เกี่ยวกับการประชุม

หลักการและเหตุผล

การศึกษาชายแดน เขตแดน และอาณาบริเวณพรมแดนมีคำถามที่แตกต่างกันไปตามบริบทการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในแต่ละยุคสมัย กล่าวคือในช่วงศตวรรษที่ 19 เป็นยุคของการสร้างรัฐ – ชาติ และการศึกษาแบบสมัยใหม่นิยม งานศึกษาในช่วงนี้จึงมุ่งความสนใจวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงเส้นเขตแดน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เน้นศึกษาพรมแดนรัฐในฐานะที่เป็นจุดสิ้นสุดของอำนาจอธิปัตย์ของรัฐหนึ่ง และเป็นจุดเริ่มต้นของอำนาจอธิปัตย์ของอีกรัฐหนึ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกัน พรมแดนมีหน้าที่ป้องกันการบุกรุกดินแดนจากฝ่ายตรงกันข้ามเป็นสำคัญ พรมแดนได้รับการพิจารณาในฐานะที่เป็นความจริงที่มีอยู่แล้วและเป็นธรรมชาติ คำถามหลักของงานศึกษาในบริบทนี้คือ “พรมแดนอยู่ที่ไหน”

ในขณะที่ศตวรรษที่ 20 งานศึกษาได้ปฏิเสธคำถามของศตวรรษก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิงภายใต้กระบวนทัศน์การศึกษาแบบหลังสมัยใหม่นิยม พรมแดนถูกมองว่ามิใช่ความจริงแท้และเป็นธรรมชาติอีกต่อไป งานศึกษาได้เปลี่ยนจากเส้นเขตแดนหรือพรมแดนรัฐเป็นการให้ความสำคัญกับพรมแดนประเภทต่างๆ ได้แก่ พรมแดนรัฐ พรมแดนเศรษฐกิจ พรมแดนวัฒนธรรม และพรมแดนสิ่งแวดล้อม เป็นต้น พรมแดนมิได้หมายความถึงเส้นเขตแดน หากแต่หมายความถึงสิ่งประกอบสร้างทางสังคมในการกำหนดขอบเขตความแตกต่างเป็นสำคัญ พรมแดนมิใช่เพียงพื้นที่ทางกายภาพเท่านั้น หากแต่เป็นพื้นที่ในจินตนาการของผู้คน สำหรับแยก “ตัวเรา”ออกจาก “คนอื่น” อีกด้วย คำถามสำคัญของยุคนี้คือ “พรมแดนถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร” อนึ่งกระบวนการโลกาภิวัตน์ได้กระตุ้นให้ ทุน สินค้า ผู้คน ข่าวสาร และภัยธรรมชาติข้ามพรมแดน ข้ามพรมแดนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ก็มิได้หมายความว่าทุกคนและทุกสิ่งจะสามารถข้ามพรมแดนได้อย่างเสรี งานศึกษาในยุคนี้จึงให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์เชิงอำนาจในการทำความเข้าใจกระบวนการสร้างพรมแดนขึ้นอีกด้วย โดยมีคำถามคือ “พรมแดนของใคร” “ใครเป็นผู้สร้างพรมแดนขึ้นมา” “ใครได้และเสียผลประโยชน์อะไรจากการสร้างพรมแดน” อำนาจในการนิยามความหมายพรมแดนจึงมิได้ผูกขาดด้วยรัฐอีกต่อไป ความจริงว่าด้วยพรมแดนมีความแตกต่าง พรมแดนกลายเป็นพื้นที่ของการต่อสู้ ช่วงชิงความรู้อย่างเข้มข้น

ถึงแม้ว่าพรมแดนรัฐจะลดความสำคัญลงไป เนื่องจากมีการเปิดพรมแดนให้มีการเคลื่อนย้ายมากขึ้น แต่มิได้หมายความว่าอำนาจรัฐลดลงตามแต่อย่างใด และการที่มีคนหลายกลุ่มเข้ามามีส่วนในการนิยามความหมายพรมแดนมากยิ่งขึ้น ประกอบกับความเสี่ยงใหม่ที่เกิดจากการข้ามพรมแดนได้ก่อให้เกิดความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นในกระบวนการจัดการพรมแดน ยกตัวอย่างเช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม โรคระบาด และการก่อการร้าย เป็นต้น ดังนั้นภายใต้สภาวการณ์ดังกล่าวนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกลับไปพิจารณาถึงคำถามสำคัญในแวดวงชายแดนศึกษาอีกครั้ง คำถามต่างๆ ที่เคยเป็นข้อถกเถียงกันมาตั้งแต่อดีต อันได้แก่ พรมแดนอยู่ที่ไหน พรมแดนถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร ใครมีอำนาจนิยามความรู้ความจริงเกี่ยวกับพรมแดน ใครได้หรือเสียผลประโยชน์ จึงมีความเหมาะสมต่อบริบทของโลกในยุคปัจจุบัน และเป็นการนำไปสู่การพิจารณาถึงความสมเหตุสมผลของพรมแดนอย่างจริงจังต่อไปว่า “พรมแดนมีไว้ทำไม”

วัตถุประสงค์ของโครงการ

  1. เพื่อเปิดโอกาสให้นักวิชาการและนักวิจัย ทั้งภายในและภายนอกสถาบันการศึกษานำเสนอผลงานวิชาการด้านชายแดนศึกษาและการพัฒนาระหว่างประเทศ
  2. เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ทัศนะ ความรู้ ระหว่างนักวิชาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและองค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานในพื้นที่ชายแดนและสนใจประเด็นการพัฒนาระหว่างประเทศ
  3. เพื่อสร้างการเรียนรู้และเข้าใจสถานการณ์การพัฒนาในพื้นที่ชายแดน

ขอบเขตของเนื้อหาบทความ

  1. บทบาทของมหาอำนาจในการพัฒนาพื้นที่ชายแดน
  2. การเปลี่ยนแปลงและผลกระทบจากการพัฒนา
  3. กรอบความร่วมมือเพื่อการพัฒนา (GMS,BRI, ACMECS,ASEAN)
  4. ภูมิรัฐศาสตร์
  5. กฎหมาย
  6. การเคลื่อนย้าย
  7. โครงสร้างพื้นฐานและการขนส่ง
  8. การค้าและการลงทุน
  9. คน เทคโนโลยี และดิจิทัล
  10. ภาคประชาสังคม องค์กรชุมชน และขบวนการเคลื่อนไหวท้องถิ่น
  11. การจัดการทรัพยากร
  12. สุขภาพ
  13. การท่องเที่ยว
  14. อาหาร
  15.  พลังงาน